นักวิชาการเกษตรเผย ประชาชนควรหันมาสนใจพลังงานทดแทนให้มากขึ้น เหตุเนื่องจากพลังงาน ในประเทศเริ่มลดน้อยลงไปทุกปี อาจส่งผลกระทบต่อระบบการขนส่ง ระบบเศรษฐกิจความมั่นคง และส่งผลให้ค่าครองชีพภายในประเทศสูงขึ้นทำให้ประชาชนใช้จ่ายติดขัด
นายสุวสันต์ ดวงจันทร์โชติ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ สำนักงานเกษตรจังหวัดชัยภูมิ กล่าวถึงผลดีผลเสียของการนำพลังงานทดแทนมาใช้ว่า “ส่วนใหญ่เป็นลักษณะของพลังงานที่ได้จาก สิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว เช่น พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ โดยส่วนมากพลังงานเหล่านี้จะไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่การจะนำพลังงานเหล่านี้มาใช้ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ซึ่งประชาชนจะมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะการจะนำพลังงานทดแทนมาใช้ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการติดตั้งและดูแลรักษา หากไม่มีการจัดการที่ถูกต้อง การใช้พลังงานทดแทนอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือประชากรในเขตพื้นที่ใกล้เคียงได้ เช่น พลังงานชีวมวลจากมูลสัตว์ที่มีการบริหารจัดการพื้นที่ปศุสัตว์ไม่ดีพอก็จะส่งกระทบในเรื่องของกลิ่นได้”
นายสุวสันต์ กล่าวต่ออีกว่า ประชาชนควรหันมาสนใจพลังงานทดแทนให้มากขึ้น เพราะพลังงานเหล่านี้เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อชีวิต เนื่องจากพลังงานเชื้อเพลิงหรือน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติลดน้อยลงไปทุกที ประชาชนควรหันมาให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทนที่อยู่รอบตัวเราซึ่งเป็นพลังงานสำคัญที่จำเป็นจะต้องใช้ในอนาคต และควรรักษาไว้ให้ลูกหลานต่อไป หากพลังงานมีไม่เพียงพออาจจะทำให้เกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขนส่ง เศรษฐกิจ ความมั่นคง ทุกอย่างจะเกี่ยวข้องกันหมดถ้าพลังงานในประเทศหมดลง
“ปัจจุบันไม่ว่าจะพลังงานใด ๆ ในประเทศไทยก็กำลังเหลือน้อยลงไปทุกวัน ในด้านครัวเรือนการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการนำพลังงานทดแทนมาใช้ก็ต้องทำความเข้าใจว่า พลังงานทดแทนคือการทดแทนสิ่งที่กำลังจะสูญหายหรือสูญสิ้นไป ครัวเรือนควรจะสนใจนำเรื่องของพลังงานชีวมวล หรือพลังงานที่สามารถทำได้ง่าย เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ โดยติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ซึ่งพลังงานของแต่ละจังหวัดก็จะมีการแนะนำการใช้งาน การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ หรือการใช้งานของพลังงานแสงอาทิตย์ ประชาชนควรเข้าไปติดต่อหรือประสานทางพลังงานจังหวัด เพื่อศึกษาหาความรู้และการแนะนำการติดตั้งที่ถูกต้อง” นายสุวสันต์ กล่าว
หลายหน่วยงานพยายามส่งเสริมหรือสนับสนุนในการใช้พลังงานทดแทนให้มากขึ้น จากนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของภาครัฐมีแนวโน้มการใช้พลังงานทดแทนปี 2561 เพิ่มขึ้น 7.1% แสดงให้เห็นว่าประชาชนครัวเรือนเริ่มมีการเคลื่อนไหวและหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น โดยเฉพาะเกษตรกรและเขตพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งส่วนมากเป็นการนำพลังงานชีวมวลที่ได้จากมูลสัตว์มาใช้ในเขตนิคมของปศุสัตว์ เช่น ฟาร์มหมู ฟาร์มไก่ ฟาร์มวัว โดยทำเป็นบ่อ หรือที่เรียกทั่วไปว่าบ่อแก๊สบอลลูน เกษตรกรหรือประชาชนทั่วไปที่ทำการเลี้ยงสัตว์อยู่แล้วก็สามารถนำแก๊สชีวมวลมาเป็นพลังงานทดแทนได้ ไม่ว่าจะเป็นก๊าซหุงต้ม หรือนำมาปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าโดยผันแปรก๊าซพวกนี้เข้าสู่ระบบเครื่องยนต์กลไกเพื่อให้มันทำงานได้
ด้านชาวบ้านที่มีการใช้พลังงานทดแทน นายเฉลิม จันทร์นวน ชาวบ้านบ้านหนองชุมแสง ตำบลห้วยบง อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ออกมาพูดถึงประโยชน์ของการใช้พลังงานทดแทนว่า หลัก ๆ สามารถช่วยลดต้นทุนได้และพลังงานจะไม่มีวันหมดไปเพราะเป็นพลังงานที่มีอยู่ตลอดทำให้คุ้มค่าต่อการลงทุน ทั้งยังช่วยประหยัดค่าไฟเพราะไม่ได้ใช้ไฟ หากใช้พลังงานลมตอนกลางคืนก็ไม่ต้องเสียค่าไฟ ตอนกลางวันก็ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แต่อุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งจะมีราคาสูงจึงต้องลงทุนเยอะขึ้น ซึ่งก็คุมค่ากับการลงทุนเพราะแผงหนึ่งจะมีอายุการใช้งาน 5-6 ปี
ทั้งนี้ นางสาวมณีรัตน์ สมัยกลาง นิสิตคณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้ความเห็นเกี่ยวกับความสำคัญของพลังงานทดแทนในอนาคตว่า ประชาชนควรตระหนักและให้ความสำคัญในพลังงานทดแทนที่อยู่รอบตัวเรา เพราะพลังงานที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน เชื้อเพลิง ไฟฟ้า ทุกสิ่งล้วนจะต้องสูญไปหากไม่มีพลังงานหมุนเวียนมาใช้ ซึ่งพลังงานทดแทนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ประชาชนควรหาความรู้ในเรื่องการใช้พลังงานทดแทนอย่างถูกต้องและได้มาตรฐาน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาได้ในอนาคต
ที่มาแนวโน้มการใช้พลังงานทดแทนปี 61 : http://www.eppo.go.th/images/Infromation_service/public_relations/forecast/Energy2016-Forcast2017.pdf