ข่าวการเปิดโปงการทุจริตโกงเงินคนจนกว่า 6.9 ล้านบาท ของ “แบม” ปณิดา ยศปัญญา นิสิตคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ขณะเข้าฝึกงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเธอไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของคนที่กระทำผิดในสังคม เธอเชื่อในความถูกต้องและทำในสิ่งที่ถูกต้อง การกระทำในครั้งนี้เห็นได้ยากในสังคมยุคปัจจุบัน เพราะจะมีสักกี่คนที่กล้าจะลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ถูกและควรทำ เนื่องจากกลัวว่าถ้าเปิดโปงไปแล้วตนจะไม่สามารถสู้คดีได้ เพราะการที่ต้องสู้กับผู้มีอำนาจนั้นเป็นเรื่องที่ยากในสังคมไทย กลัวว่าจะกลายเป็นหงส์ในฝูงกา แต่แบมกล้าที่จะทำในสิ่งเหล่านี้เพื่อความถูกต้อง
ในสังคมของเราที่เต็มไปด้วยการทุจริตนั้น ยังมีคนที่พร้อมจะปกป้องสิทธิและทำหน้าที่ในการปกป้องประชาชนที่ไม่รู้เรื่องราวการทุจริตภายในองค์กร ให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์อย่างสูงสุด แบม ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อย่างน้อยๆ นั้นก็มีเธอคนหนึ่งที่กล้าจะสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้องในสังคม เพื่อสิ่งที่ถูกต้องและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้ในตอนแรกเธออาจไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่และยังโดนอาจารย์สั่งให้กราบขอโทษผู้ที่ทำผิดเพื่อให้เรื่องนั้นจบไป เธอไม่ยอมทำเช่นนั้น เพราะเธอทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องกราบขอโทษเพื่อให้เรื่องจบ เธอดำเนินการเอาผิดผู้ที่ทุจริตเองด้วยการไปแจ้งไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อดำเนินการให้ผู้ที่ควรได้รับผลประโยชน์ให้ได้ประโยชน์คืนกลับไป ผู้ที่กระทำผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
จากการเปิดโปงการทุจริตของแบม ปณิดา ทำให้มีการตรวจสอบไปยังที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและได้พบกับการทุจริตในอีก 11 แห่ง นั่นทำให้เห็นว่าในสังคมไทยของเรานั้นยังมีการทุจริตในทุกๆ ที่ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม การกระทำเช่นนี้ย่อมมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและผู้ที่ไม่เห็นด้วย แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำผิดนี้ บางคนก็ยอมที่จะหลับหูหลับตาทำเป็นไม่เห็นไปเลย บางคนก็อยากเปิดโปงความทุจริตนั้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเกรงว่าจะโดนผู้ที่มีอำนาจมากกว่าข่มขู่หรือทำร้าย แต่จะมีสักกี่คนที่กล้าเปิดโปงเช่นเดียวกับแบม
การกระทำที่ถูกต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นสิ่งที่คนในสังคมควรเอาเป็นแบบอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือการประกอบอาชีพทุกๆ อย่าง ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นข้าราชการ ธุรกิจองค์กร แต่ในทุกๆ อาชีพควรที่จะต้องมีความสุจริต ซื่อตรง ไม่คดโกง เพื่อที่จะผลักดันให้ประเทศพัฒนา ทำให้การทำในสิ่งที่ถูกต้องและควรทำไม่เป็นเรื่องที่น่ากลัวในสังคมไทย รวมถึงการทำความผิดนั้นน่ากลัวกว่าการที่จะเปิดโปงว่าใครเป็นผู้ที่กระทำ ดังเช่นแบบอย่างที่ดีในสังคมที่เราได้เห็นในปัจจุบัน นั่นก็คือแบม ปณิดา เธอกล้าจะออกมาเปิดเผยข้อมูลการทุจริตของหน่วยงาน ถึงแม้ว่าในครั้งแรกที่เธอ ออกมาเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นเพียงการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน แต่นั่นก็เป็นต้องเหตุของการนำไปสู่การตรวจสอบการทุจริตต่อไป
การที่แบมออกมาเปิดเผยการทุจริตทำให้เกิดคำถามต่างๆ ขึ้นมากมายในสังคมว่าการทุจริตมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือ ทำไมถึงไม่มีใครกล้าที่จะออกมาเปิดเผยข้อมูลของการทุจริต ทั้งๆ ที่มีคนรู้เห็นในการทุจริตนั้น แต่กลับไม่มีใครกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องถึงขั้นยอมปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตเป็นจำนวนมาก และถ้าหากในสังคมของเรามีแต่ผู้ที่จะคอยเอาเปรียบคนที่ไม่สามารถดำเนินการทุกอย่างได้เอง อย่างเช่นชาวบ้านที่ถูกเอาเปรียบ ใครจะเป็นคนที่เข้ามาช่วยให้ชาวบ้านเหล่านั้นได้ผลประโยชน์กลับคืนมาจากผู้ที่ทุจริต ฉกฉวยเอาผลประโยชน์จากชาวบ้านไป ทุกคำถามนั้นเป็นคำถามที่ทุกคนตอบได้ แต่ไม่มีใครทำได้เพราะกลัวว่าตนจะไม่สามารถสู้กับสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นได้
เรื่อง : ธนวัฒน์ เอี่ยมเสริม
ภาพ : อรญา ศิริปะกะ