ธุรกิจเครื่องเบญจรงค์สารคามเฟื่อง เน้นจุดขายลวดลายจากประเพณีวัฒนธรรมอีสาน และจุดเด่นของจังหวัด ‘ลายสร้อยดอกหมาก’ จับกลุ่มลูกค้าระดับบนและข้าราชการ
ธุรกิจขายเครื่องเบญจรงค์ ตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เติบโตอย่างสวยงาม ปัจจุบันกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีการสร้างสรรค์ผลงานเครื่องเบญจรงค์ด้วยลวดลายซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดมหาสารคาม
นาย กนกพร ทะไกรเนตร เจ้าของบ้านเบญจรงค์ แกลเลอรี่ เล่าว่า เริ่มธุรกิจผลิตเครื่องเบญจรงค์ตั้งแต่ พ.ศ. 2533 ซึ่งตอนนั้นโรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร ด้วยวิกฤตการณ์ฟองสบู่ จึงต้องย้ายกลับมาบ้านเกิดที่ตำบลโคกพระ และเริ่มก่อตั้งบ้านเบญจรงค์ แกลเลอรี่ ผลิตเครื่องเบญจรงค์ที่นี่ตั้งแต่ พ.ศ. 2541 ลวดลายที่ใช้วาดลงเครื่องเบญจรงค์จะเป็นลายสร้อยดอกหมากและลายพระธาตุนาดูน ซึ่งเป็นลายของผ้าไหมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดมหาสารคาม โดยนำมาประยุกต์ให้เข้ากับเครื่องเบญจรงค์เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์และเพิ่มมูลค่า
กนกพร กล่าวว่า ลวดลายบนเครื่องเบญจรงค์เป็นผลงานของ อาจารย์ วิรัช ทะไกรเนตร ซึ่งได้รับการเชิดชูเกียติให้เป็นศิลปินพื้นบ้านอีสาน เชิดชูให้เป็นครูช่างของศูนย์ศิลปาชีพระหว่าง
ประเทศ และเป็นศิลปินโอทอป จากผลงานที่สร้างขึ้นโดยที่ไม่ได้หวังผลแต่อย่างใด ปัจจุบันกลายเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่น่าจับตามองของอำเภอกันทรวิชัย
นาย วรัญญู กกตระกูล ช่างเขียนเบญจรงค์ เล่าว่า เริ่มแรกตนฝึกวาดลวดลายลงบนกระดาษจนเกิดความชำนาญ ก่อนที่จะได้วาดลงเครื่องเบญจรงค์ โดยสีที่ใช้วาดลงเครื่องเบญจรงค์จะเป็นสีทองคำเปลวนำเข้าจากประเทศเยอรมนี มีราคาสูง ซึ่งสีมีคุณสมบัติพิเศษผ่านความร้อนมา 800 องศาเซลเซียส สามารถทนแดด ทนฝน ทนความร้อน และทำความสะอาดง่าย เมื่อก่อนที่นี่ก็จะวาดลายอื่นๆ ลงเครื่องเบญจรงค์ตามที่ลูกค้าสั่ง แต่ในปัจจุบันจะวาดแค่ลายที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดมหาสารคามอย่างเดียว คือ ลายสร้อยดอกหมากและลายพระธาตุนาดูนเท่านั้น
นาย วรัญญู กล่าวต่อว่า สินค้าส่วนใหญ่จะวางจำหน่ายอยู่ที่บ้านเบญจรงค์ แกลเลอรี่ นอกจากนี้ยังมีการนำผลงานไปจัดแสดงในงานโอทอปทั่วประเทศและได้รับรางวัลมากมาย ช่องทางการจำหน่ายจะเป็นที่บ้านเบญจรงค์ แกลเลอรี่ ตามงานโอทอปทั่วประเทศและสามารถสั่งซื้อได้ทางเว็บไซต์ของร้าน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ชื่นชอบในงานศิลปะ เป็นนักสะสมที่สั่งทำภาพจิตรกรรมเบญจรงค์บนกระเบื้อง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและองค์กรต่างๆ มาโดยตลอด โดยจะสั่งซื้อเครื่องเบญจรงค์เพื่อไปใช้ในกิจกรรม งานพิธี เป็นของที่ระลึกที่คนนิยมซื้อฝากกันในโอกาสต่างๆ หรือคนที่ชื่นชอบลวดลายงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเบญจรงค์ ก็จะซื้อเพื่อเก็บไว้เป็นของสะสม
บ้านเบญจรงค์ แกลเลอรี่ยังเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม เปิดให้ประชาชนเข้ามาศึกษาดูงานได้ ไม่ว่าจะเป็นนิสิต นักศึกษา คนทั่วไป หรือจะเป็นชาวต่างชาติ ก็สามารถเข้ามาเรียนรู้วัฒนธรรมไทยได้เช่นกัน “มีความภูมิใจในอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับตนและครอบครัว อีกทั้งยังเป็นอนุรักษ์
ศิลปหัตกรรมไทยด้วย” กนกพร กล่าวทิ้งท้าย