เจ้าหน้าที่บริหารงานทะเบียนและบัตรชำนาญการ เตือนหากมีการเซ็นสำเนาบัตรประชาชนไม่ถูกวิธี เสี่ยงเปิดช่องทางให้มิจฉาชีพนำไปทำธุรกรรมทางการเงินได้ ประชาชน เผย ไม่กล้าเซ็นทับเอกสารบัตรเกรงเอกสารเป็นโมฆะ ด้านตำรวจ ชี้ การปลอมแปลงเอกสารผู้อื่นมีโทษทางกฎหมาย
จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้สำรวจ พบมีการโพตส์เตือนกันอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ ถึงกรณีการถูกกลุ่มมิจฉาชีพปลอมแปลงสำเนาเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน ในการนำไปทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบต่างๆ อาทิ การนำไปเปิดบัญชีธนาคาร รวมไปถึงการนำไปกู้เงินต่างๆจนทำให้ผู้ถูกปลอมแปลงเอกสารเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน
ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ ฤกษ์ใหญ่ เจ้าหน้าที่บริหารงานทะเบียนและบัตรชำนาญการ เทศบาลตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เผย ประชาชนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่า การเซ็นสำเนาบัตรประชาชนนั้นจะต้องเซ็นชื่อ-สกุล พร้อมคำว่า “สำเนาถูกต้อง” เพียงเท่านั้นและจะต้องเซ็นในตำแหน่งที่ไม่ปิดบังตัวบัรตประชาชน แต่แท้จริงแล้ว การเซ็นสำเนาบัตรประชาชนที่ถูกต้องและปลอดภัยนั้น ควรที่จะเซ็นทับลงไปในตัวบัตรและขีดเส้นตรงทับลงในสำเนาบัตร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้การปลอมแปลงนั้นอยากยิ่งขึ้นและทุกครั้งหลังจากมีการเซ็นชื่อ-สกุล สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การเขียนข้อความรับรองสำเนาถูกต้อง ทั้งนี้เจ้าของเอกสารควรเขียนรายละเอียดกำกับไว้ว่า เอกสารฉบับนั้นใช้สำหรับทำอะไร อาทิ ” ใช้สำหรับติดต่อเรื่อง….เท่านั้น ” หรืออาจจะมีการลงวันเดือนปี กำกับลงไปในเอกสารหรืออาจจะต้องเขียนข้อความทั้งหมดที่จะต้องเซ็น ทับลงบนสำเนาส่วนที่เป็นบัตรประชาชนทั้งนี้ก็เพื่อให้ยากต่อการปลอมแปลงเอกสาร แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ไม่ควรเซ็นทับบริเวณสาระสำคัญของสำเนาเอกสารนั้น เช่น ชื่อ-นามสกุลหรืออาจจะรวมไปถึง วันเดือนปีเกิดในสำเนาเอกสารบัตรนั้น
นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในอดีตที่ยังไม่มีการใช้บัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ในการสำเนาบัตรประชาชนแต่ละครั้งจึงจำเป็นต้องถ่ายบัตรด้านหลังแนบมาด้วย แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาให้มาใช้บัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดจึงไม่จำเป็นต้องถ่ายเอกสารสำเนาบัตรด้านหลังมาด้วย ซึ่งอีกหนึ่งสาเหตุหลักๆที่ประชาชนถูกกลุ่มมิจฉาชีพปลอมแปลงเอกสารได้ง่ายคือ การที่ประชาชนเซ็นสำเนาบัตรประชาชนไม่ถูกวิธีดังนั้นจึงเป็นช่องว่างให้กลุ่มมิจฉาชีพใช้ช่องทางนี้ในการปลอมแปลงเอกสาร
นายศักดิ์สิทธิ์ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า อยากฝากเตือนสำหรับประชาชนที่จำเป็นต้องมีการคัดลอกหรือถ่ายสำเนาบัตรประชาชนในการประกอบเอกสารต่างๆ ในการที่จะเซ็นรับรองเอกสารให้เซ็นทับลงไปในตัวสำเนาบัตรที่ถ่ายเอกสารมาทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันในการปลอมแปลเอกสารได้ยากยิ่งขึ้น “ไม่ต้องไปเซ็นตรงด้านข้างหรือที่ว่างในกระดาษเพราะจะทำให้นำสำเนาบัตรประชาชนไปทำสิ่งอื่นที่จะก่อให้เกิดความเสียหายภายหลังได้”
นายสุรศักดิ์ เกราะชูกุล นิสิตคณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เผยว่า ในการเซ็นเอกสารสำเนาบัตรที่ผ่านๆมามักจะเซ็นในบริเวณที่ว่างของกระดาษสำเนาโดยมีความเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าหากเซ็นทับลงไปในรูปของตัวบัตรประจำตัวประชาชนเองอาจจะทำให้เอกสารแผ่นนั้นใช้การไม่ได้และเป็นโมฆะไปในทันทีและไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเซ็นเอกสารแบบนี้จะทำให้เป็นช่องว่างให้กลุ่มมิจฉาชีพนำไปทำประโยชน์ได้
นางสาววรัญญา เรืองสวัสดิ์ นิสิตคณะบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เล่าว่า ส่วนตัวถือได้ว่าค่อนข้างที่จะได้มีการเซ็นเอกสารสำเนาบัตรประชาชนค่อนข้างบ่อย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการสมัคเรียนหรือในเรื่องต่างๆ ในการเซ็นเอกสารแต่ละครั้งตนมักจะขีดเส้นทับลงในเอกสารแล้วเขียนกำกับว่าใช้สำหรับอะไร ซึ่งแต่ก่อนมักจะเซ็นเพียงแค่ชื่อ-สกุลเท่านั้น แต่ในปัจจุบันจะขีดเส้นทับและเขียนกำกับด้วยว่าใช้สำหรับอะไร ทั้งนี้ก็เนื่องจากกลัวว่าหากเซ็นไม่ถูกวิธีอจจะถูกมิจฉาชีพนำไปปลอมแปลงได้
ด้านส.ต.ต.บัญฑิต ชูรัก ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า ทุกวันนี้จะมีข่าวการปลอมแบกเอกสารไปธุรกรรมทางการเงินต่างๆหรือรวมไปถึงในเรื่องอื่นๆซึ่งทางกฏหมายแล้วมีความผิดตามมาตรา265 ซึ่งการปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการผู้อื่นนั้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท จึงอยากฝากเตือนถึงประชาชนหากต้องเซ็นเอกสารรับรองหรือเอกสารใดๆก็ความที่จะตรวจเซ็นความถูกต้องให้เรียบร้อยเพื่อจะไม่ให้เกิดความเสียหายตามมาภายหลัง