เหตุการณ์มหาไฟป่าในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย เป็นเหตุการณ์ที่คนทั้งโลกจับตามอง เหตุการณ์ไฟป่าออสเตรเลียเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี2562 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันนี้ก็กินพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 50 ล้านไร่ และคาดการว่าไฟป่าน่าจะไม่หยุดง่ายๆ เนื่องจากภูมิอากาศในประเทศกำลังเข้าสู่ฤดูแล้ง นั่นจึงเป็นสิ่งที่อาจทำให้ไฟป่า ทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว ไฟป่าทำลายถิ่นอาศัยของสัตว์ ทำให้มีผลกระทบต่อสัตว์ป่าแล้วอย่างน้อย 480 ล้านตัว และยอดรวมผู้เสียชีวิต ณ วันที่ 7 มกราคม 2563 อยู่ที่ 25 ราย
สิ่งที่เป็นสัญญาณเตือนว่าปอดของโลกกำลังจะหมดลมลง คือ การที่ป่าถูกทำลายมากขึ้นในทุกๆปีทำให้พื้นที่ป่าที่เป็นแหล่งรวมความสมบูรณ์และแหล่งออกซิเจนที่เราใช้หายใจลดจำนวนลง สัตว์หลายชนิดขาดแหล่งอาหารและสูญพันธุ์ลงในที่สุด
จากสภาพอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ปริมาณฝนลดลงป่าเกิดความแห้งแล้งจนเกิดไฟป่าขึ้นและเมื่อเกิดไฟป่าจึงเกิดการลุกลามอย่างรวดเร็วกินพื้นที่ในวงกว้างส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นและการกระจายของก๊าซเรือนกระจกบนชั้นบรรยากาศ ส่งผลเสียต่อทุกชีวิตบนโลก
ในปี 2562 ที่ผ่านมาเกิดไฟป่าขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลกนั่นจึงเป็นสิ่งที่แสดงว่าปอดของโลกที่เราใช้หายใจกำลังถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วในตลอดระยะเวลา 5 ปีให้หลังโลกของเราสูญเสียผืนป่าไปกว่า 40 เปอร์เซ็นต์วันนี้เราจะมาดูว่าตลอดปีที่ผ่านมาเกิดไฟป่าขึ้นที่ไหนบ้างและแต่ละพื้นที่สร้างความสูญเสียมากน้อยเพียงใด
เหตุการณ์ไฟป่าจากทั่วโลก
Credit: AFP or licensors
เริ่มกันที่ประเทศแรก คือ ประเทศเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา มีรายงานการเกิดไฟป่าขึ้นในเมืองคังวอนความรุนแรงของไฟป่านั้นกินพื้นที่ไปกว่า 5 เมืองภายในเวลา 18 ชั่วโมง สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนกว่า 4,000 คนกินพื้นที่ป่าไปมากกว่า 480,000 ไร่
Credit : workpoint
ต่อมาในวันที่ 2 กรกฎาคม ได้มีรายงานว่าเกิดไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งในพื้นที่อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเพลิงขยายออกเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พื้นที่ป่ารวมทั้งพื้นที่เกษตรกรรมเสียหายรวมกว่า 70,000 ไร่ โดยเพลิงลุกไหม้กินเวลาไปกว่า 1 เดือน
4 กรกฎาคม ก็เกิดเหตุไฟไหม้ป่าขนาดใหญ่ขึ้นอีกในหมู่เกาะเอเวีย ประเทศกรีซถือเป็นอีกเหตุการณ์ไฟป่าที่รุนแรงที่สุดปี 2019 เพราะทำให้พื้นที่ป่าเกือบทั้งเกาะถูกทำลายจนหมดและกว่าควบคุมเพลิงไว้ได้ต้องใช้เจ้าหน้าที่กว่า 300 คน รถดับเพลิงกว่า 100 คัน เฮลิคอปเตอร์บรรทุกน้ำอีก 40 ลำ ระดมช่วยกันจึงควบคุมเพลิงไว้ได้
วันที่ 22 กรกฎาคม เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่คนทั้งโลกจับตามองคือ การเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ในป่าแอมาซอนในประเทศบราซิลที่เรียกได้ว่าเป็นปอดของโลกเนื่องจากป่าผืนนี้ผลิตออกซิเจนให้โลกถึง 20 เปอร์เซ็นต์การเกิดไฟป่าในป่าแอมาซอนถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในปีที่ผ่านมามีจำนวนการเกิดไฟป่ามากกว่าปกติโดยในปีที่ผ่านมาเกิดไฟป่าขึ้นในป่าแอมาซอนกว่า 78,383 ครั้งจนทำให้พื้นที่ป่าถูกทำลายไปกว่า 210,000 ตารางกิโลเมตร
12 กันยายน ดาวเทียมเผยภาพไฟป่าที่รุนแรงบนเกาะบอเนียวและเกาะสุมาตราในประเทศอินโดนีเซียอันมีสาเหตุมาจากฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน เหตุการณ์ไฟป่าในครั้งนี้ทำให้เพลิงขยายพื้นที่ลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มาเลเซีย สิงคโปร์และไทยได้รับผลกระทบตามไปด้วย
Credit : JOSH EDELSON (AFP)
อีกเหตุการณ์หนึ่งวันที่ 25 ตุลาคม ได้เกิดไฟป่าขึ้นในทางเหนือของรัฐแคลิฟลอร์เนียในประเทศสหรัฐอเมริกา ไฟป่ากินพื้นที่ไปประมาณ 25,000 ไร่โดยเพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วจนลามไปถึงนครลอดแองเจลิสภายในเวลา 24 ชั่วโมง จนรัฐบาลต้องสั่งอพยพประชาชนกว่า 50,000 คนออกจนพื้นที่ภายในเวลา 24 ชั่วโมง
และเหตุการณ์ไฟป่าครั้งสำคัญของโลกที่เกิดขึ้นเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2019 ที่ผ่านมา ได้เกิดไฟป่าครั้งที่รุนแรงที่สุดในโลกขึ้น ในรัฐนิวเซาท์เวลส์และควีนสแลนด์ ทางภาคตะวันออกของประเทศออสเตรเลียโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 25 รายและกินพื้นที่ไปแล้วกว่า 50 ล้านไร่ทำให้พื้นที่ดังกล่าวจมอยู่ในกองเถ้าถ่านและสัตว์ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 480 ล้านตัว ออสเตรเลียเป็นถิ่นกำเนิดของสัตว์ที่สำคัญ เช่น จิงโจ้และสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่าง โคอาลา โดยเหตุการณ์ไฟป่าในครั้งนี้ทำให้พวกมันตายและไร้ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวน และจนในปัจจุบันต้นปี 2563 ก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้และน่าจะกินพื้นที่ไปมากกว่า 60 ล้านไร่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ป่าในออสเตรเลียลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัดและทำให้เกิดหมอกควันสีแดงปกคลุมจนเกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมีผลกระทบต่อออสเตรเลียทั้งประเทศจนในที่สุดหมอกควันสีแดงก็ทวีความรุนแรงขึ้นโดยปกคลุมไปถึงประเทศนิวซีแลนด์
ถึงอย่างไรก็ตาม รัฐบาลออสเตรเลียและหน่วยงานต่างๆของภาครัฐและเอกชนก็ยังให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ทั้งคนและสัตว์โดยมอบเงินสนับสนุนกว่า 48,000 ล้านบาท และระดมเจ้าหน้าที่จากหลายประเทศ อย่าง นิวซีแลนด์ และ สหรัฐอเมริกา กว่า 3,000 นายเพื่อช่วยยุติไฟป่าในครั้งนี้ ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นไปด้วยดี ในที่สุดสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เนื่องจาก ในวันที่ 7 มกราคม 2563 เกิดฟ้าผ่าแห้งขึ้นบริเวณกลางป่าที่ห่างจากจุดที่มีไฟป่าไปราวๆ 20 กิโลเมตร และเข้าถึงได้ยาก เหตุการณ์ฟ้าผ่าแห้ง ส่งผลให้เกิดไฟป่าเพิ่มขึ้น อีกหนึ่งจุด และขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า ถ้าหากไฟทั้งสองจุดลามมาจนบรรจบเข้าหากัน อาจจะกลายเป็นไฟป่าที่มีวงกว้างที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาและสร้างความหายนะครั้งใหญ่ของโลกขึ้นอย่างแน่นอน
Credit : Getty Images
นั่นคือเหตุการณ์ไฟป่าในปี 2019 จนถึงปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าผืนป่ากำลังถูกทำลายลงในทุกๆวันสิ่งที่เป็นลมหายใจของสิ่งมีชีวิตกำลังถูกทำลายลง คอยย้ำเตือนมนุษย์ว่า ควรใส่ใจในเรื่องของการอนุรักษ์ป่าให้มากขึ้น เราทุกคนควรหันมาดูแลผืนป่าที่เหลืออยู่ ผืนป่าและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่กำลังลดจำนวนลงเรื่อยๆ
อ้างอิง :
https://www.bbc.com/thai?fbclid=IwAR27kB4hMR5IyePtT6oai-N3vbJPTHBgKZk_DCNcN14M4Ic1_2AzdnbDdls
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/860729?fbclid=IwAR1TWQydoGr57seY2gpYjFUtQ8_G_NOM0-mjSrjtsk3ZfMsAU-jorpYSn7s