ราชินีทับทิมสยาม ชื่อที่บ่งบอกได้ถึงความยิ่งใหญ่ อลังการ เป็นชื่อของข้าวโพดสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจกันอย่างมากในแวดวงเกษตรกรที่ชื่นชอบการปลูกข้าวโพด สาเหตุของความยอดฮิตคงหนีไม่พ้นความแปลกใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีให้เห็นกันแพร่หลายมากนัก ไม่ว่าจะเป็นสีของข้าวโพดที่เป็นสีแดงเด่นชัดทั่วฝัก และความหวานกรอบราวกับกำลังรับประทานทับทิมกรอบอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ จากความสนใจนำไปสู่การลงมือปลูกในหลายพื้นที่ เพื่อสร้างผลผลิตและรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว
ไร่ณัฐธยาน์ จังหวัดนครสวรรค์ ไร่แรกในการเริ่มปลูกข้าวโพดหวานสีแดง ราชินีทับทิมสยาม เกษตรกรหลายคนจากหลายจังหวัดที่อยากจะเริ่มหันมาปลูกข้าวโพดหวานสีแดงต่างมาซื้อเมล็ดพันธุ์เพื่อนำไปปลูกจากที่นี่ทั้งสิ้น และยังถือเป็นแหล่งแรกที่ริเริ่มปลูกข้าวโพดหวานสีแดงอีกด้วย
เช่นเดียวกับ นายชัยวัตร พลศักดิ์ หรือลุงปุ๊ อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 9 ตำบล เกิ้ง อำเภอ เมือง จังหวัดมหาสารคาม เกษตรกรผู้เริ่มปลูกข้าวโพดหวานสีแดงหรือราชินีทับทิมสยาม ที่แรกที่เดียวในมหาสารคาม ที่สนใจอยากจะเริ่มปลูกข้าวโพดหวานสีแดง ต่อยอดจากการเลี้ยงสัตว์แบบที่เคยทำมาตลอด ได้แก่ การเลี้ยงวัว ควาย เป็ด ไก่ เวลานี้สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยการทำเกษตรครบวงจรในพื้นที่ใช้สอยกว่า 28 ไร่ เมื่อมาถึงเราเริ่มกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อหาต้นตอความแปลกใหม่ นั่นคือ ข้าวโพดหวานสีแดง ราชินีทับทิมสยาม ทันใดนั้นก็ได้พบกับเจ้าของสวนแห่งนี้ คือ นายชัยวัตร ที่กำลังเลี้ยงสัตว์ในสวนด้วยความชำนาญแสดงถึงความสุขพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ชุดทำงานแสดงให้เห็นถึงการเพิ่งเสร็จภารกิจจากงานประจำ แต่เราไม่เห็นความเหน็ดเหนื่อยจากเขาเลยแม้แต่น้อย
เราได้โอกาสนั่งคุยกับนายชัยวัตร หรือลุงปุ๊ กันอย่างเป็นกันเองในบรรยากาศธรรมชาติ สบาย ๆ อย่างแท้จริง ฉันเริ่มคำถามแรกด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงเริ่มมาปลูกข้าวโพดหวานสีแดงนี้ได้ ลุงปุ๊อกเราด้วยสีหน้าภูมิใจว่า “ มีความชอบด้านการเกษตรอยู่แล้วและรักการเป็นเกษตรกร เมื่อก่อนเลี้ยงเฉพาะวัว ควาย เป็ด เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จไม่มีอะไรทำในแปลงนา จึงหาวิธีอยากเพิ่มผลผลิต ทำให้คิดถึงการปลูกข้าวโพด จึงเริ่มเข้าไปค้นหาในอินเทอร์เน็ตจึงพบว่า มีข้าวโพดสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นนั่นคือ ข้าวโพดหวานสีแดง ราชินีทับทิมสยาม จึงสนใจเห็นว่าแปลกใหม่ดี หลังจากนั้นก็ได้ซื้อเมล็ดพันธุ์มาทดลองปลูก
1,500 เมล็ด ปรากฏว่าได้ผลผลิตที่ประทับใจมากจึงคิดว่าจะปลูกเพิ่มเรื่อยๆ เพราะปลูกง่าย ไม่เกิน 70 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งหมด ทำให้แปลงนาไม่ว่างและสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดทั้งปี สร้างประโยชน์ได้สูงสุดอีกด้วย ”
นอกจากความแปลกใหม่ในเรื่องของสีสันที่สวยสะดุดตาแล้ว เราเริ่มสงสัยอีกว่า แล้วรสชาติล่ะ จะแปลกใหม่หรืออร่อยกว่าข้าวโพดหวานสีเหลืองที่ทุกคนทานกันทั่วไปอย่างไร ลุงปุ๊บอกกับเราว่า “ ข้าวโพดหวานสีแดงนี้ จะหวาน หอม กรอบ เหมือนชื่อเลย ทานไปแล้วจะเหมือนทานทับทิมกรอบอย่างไรอย่างนั้น วิธีกินก็ง่ายกว่าข้าวโพดสีเหลืองซะอีก เพราะสามารถแกะกินฝักสดได้โดยไม่ต้องต้ม ที่สำคัญยังมีสารแอนโธไซยานินที่ถือเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รักษาโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ ”
ทั้งแปลกใหม่สรรพคุณดีขนาดนี้เราเลยอยากทราบราคาว่าจะสามารถเอื้อมถึงไหม ลุงปุ๊ได้บอกกับเราว่า หากขายส่งก็ราคากิโลกรัมละ 5-7 บาท ราคาปลีกราคาไม่เกิน 7-10 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของฝักด้วย เราเดินคุยกับรอบ ๆ สวน “ เหนื่อยจากงานประจำมา มาทำสวนอยู่กับธรรมชาติก็มีความสุข เรียกได้อีกอย่างว่าธรรมชาติบำบัด ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้ออกกำลังกาย เห็นผลผลิตที่งอกเงยขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของเรา ชีวิตก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ” ลุงปุ๊เล่าด้วยสีหน้าที่หุบยิ้มไม่ได้
ลุงปุ๊ยังบอกเราอีกว่า “ อยากให้เกษตรกรทุกคนลองดูที่นาหรือสวนของตนเอง หากว่างก็อยากให้ลองปลูกข้าวโพด เพราะข้าวโพดเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมาก ปลูกง่าย ดูแลง่ายไม่เน้นสารเคมี ”
การคุยกันในวันนี้ทำให้คลายความสงสัยไปได้มากเกี่ยวกับข้าวโพดหวานสีแดง ราชินีทับทิมสยามเมื่อเราขอตัวกลับ ลุงปุ๊ได้ทิ้งท้ายว่า “ สิ้นปีนี้จะเริ่มทำอย่างจริงจัง อีกประมาณ 20,000 ต้น ”
แสดงให้เห็นความจริงจังในเส้นทางนี้ เส้นทางเกษตรกร เส้นทางแห่งความสุข
รู้ถึงมุมมองของคนปลูกแล้วหลายคนอาจจะอยากรู้ถึงความคิดเห็นของคนทานบ้างว่ารู้สึกยังไงที่มีข้าวโพดสายพันธุ์ใหม่นี้ออกมา นายสมศักดิ์ อุตพงษ์ หนึ่งในผู้ที่ลิ้มรสข้าวโพดหวานสีแดงมาแล้วเล่าว่า “รสชาติของข้าวโพดหวานสีแดงคล้ายกับทับทิมเพราะมีความหวาน หอม มัน กรอบ อร่อย และยังหอมกว่าข้าวโพดสีเหลืองที่ตนเคยทานมา คิดว่าหากราคาขายไม่เกิน 10 บาทก็ถือว่าราคาไม่แพง เหมาะสมกับคุณภาพที่ได้รับ ”
นายอำนาจ ใจยา ผู้ที่ชอบทานข้าวโพดหวานสีแดงเช่นกัน บอกกับเราว่า “ ข้าวโพดสีแดงต่างจากข้าวโพดสีเหลืองที่ความหวานและความกรอบ ข้าวโพดสีแดงจะหวานและกรอบมากกว่า ส่วนตัวตนชอบ
ข้าวโพดหวานสีแดง เพราะแปลกดีไม่เคยเห็นมาก่อน ตนคิดว่าถ้าเทียบกับคุณภาพหากจะขายราคา 10-15 บาทก็ยังถือว่าเหมาะสมอยู่ ”
ทั้งสองคนมีความคิดเห็นตรงกันว่า ข้าวโพดหวานสีแดง ราชินีทับทิมสยาม มีความหอม หวาน กรอบ อร่อย ซึ่งก็ถือว่าเกษตรกรประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งที่ทำให้ผลผลิตที่มาสู่ประชาชนได้ผลตามที่เกษตรกรต้องการได้
อีกหนึ่งหน่วยงานที่เล็งเห็นความสำคัญของการเกษตรคงจะหนีไม่พ้นสำนักงานเกษตรจังหวัดมหาสารคาม เราไม่รอช้าที่จะไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกข้าวโพดหวานสีแดงในพื้นที่มหาสารคาม นายปราโมทย์ วัฒนะ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตร จังหวัด มหาสารคาม เผยว่า “ ข้าวโพดหวานสีแดงจากกระแสความนิยมผู้บริโภคจะสนใจ และใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองให้ปลอดภัยมากขึ้น จึงเชื่อได้ว่าหากข้าวโพดหวานสีแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ก็จะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและเป็นที่ต้องการมากขึ้น เมื่อตลาดต้องการ เกษตรกรก็จะหันมาปลูกข้าวโพดหวานสีแดงมากขึ้นตามไปด้วย ”
เมื่อข้าวโพดหวานสีแดงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพเราจึงอยากทราบว่ากระบวนการปลูกยากหรือไม่
“ ตามข้อมูลวิชาการปลูกไม่ยากและปลูกได้ทุกพื้นที่ โดยข้าวโพดหวานสีแดง เมื่อเก็บที่อายุ 20 วันหลังออกไหม สีจะสวยงาม ฝักสดมีรสชาติหวานมาก เนื้อแป้งกรอบ รสชาติมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งการรับประทานข้าวโพดหวานสีแดง Siam Ruby Queen นอกจากจะเหมาะสำหรับรับประทานฝักสดซึ่งอุดมไปด้วยสารแอนโธไซยานินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังเป็นทางเลือกใหม่ในการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมแช่แข็ง รวมทั้งใช้เป็นเมนูผักเพื่อสุขภาพในจานสลัด ที่สำคัญข้าวโพดหวานสีแดงพันธุ์ใหม่นี้สามารถปลูกได้ทุกฤดูกาลในประเทศไทย ” นายปราโมทย์ กล่าว
“ หากมีแหล่งจำหน่ายพันธุ์ข้าวโพดหวานสีแดงในพื้นที่มหาสารคามมากขึ้น คาดว่าเกษตรกรจะหันมาปลูกข้าวโพดหวานสีแดงมากขึ้นเช่นกัน ” นายปราโมทย์ กล่าวเพิ่มเติม
ในส่วนของภาพรวมการสร้างรายได้จากข้าวโพดหวานสีแดงทั่วประเทศนั้น นางสาว ณัฐธยาน์ ดำงาม เจ้าของไร่ณัฐธยาน์ ไร่แรกเริ่มปลูกข้าวโพดหวานสีแดงในประเทศไทย จ. นครสวรรค์ เล่าว่า “ ตอนนี้เมล็ดพันธุ์แต่ละรอบยังผลิตได้ไม่มาก จึงยังไม่สามารถให้คำตอบได้ ”
ข้าวโพดหวานสีแดงราชินีทับทิมสยาม ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้เกษตรกรได้ตลอดทั้งปีเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพเป็นหลักได้รับประทานกันอย่างปลอดภัยแถมมากด้วยประโยชน์อีกด้วย