หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า วันที่ 13 มกราคม ของทุกปี คือวันการบินแห่งชาติ ซึ่งกิจการด้านการบินนั้นมีความสำคัญกับประเทศไทยไม่น้อยตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน
พลอากาศโท พระยาเฉลิมอากาศ นาวาอากาศเอก พระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์ และนาวาอากาศเอก พระยาทะยานพิฆาต คือ 3 นายทหารชุดแรก ที่ได้เดินทางไปเรียนวิชาการบิน ณ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผลจากการที่จอมพล สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ในปี พ.ศ. 2454 ถึงความจำเป็นของการบินในด้านการป้องกันประเทศ และในระหว่างที่ทั้ง 3 ท่านศึกษาอยู่ ประเทศไทยได้สั่งซื้อเครื่องบินรวมถึงมีผู้บริจาคเงินเพื่อจัดหาเครื่องบินมาประจำการ ทำให้มีเครื่องบินรวมทั้งหมด 8 ลำ
ต่อมาทั้ง 3 ท่านสำเร็จการศึกษากลับมายังประเทศไทย ทำให้เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทอดพระเนตรการแสดงการบินโดยนายทหารนักบินของไทยเป็นครั้งแรก ประเทศไทยในขณะนั้นยังได้มีการจัดตั้งแผนกการบิน มีสนามบินและโรงเก็บเครื่องบิน และพัฒนาเรื่อยมาจนเป็นการบินของไทยในปัจจุบัน
เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงริเริ่ม และมีสายพระเนตรก้าวไกลต่อการบินของประเทศไทย เพื่อให้คนไทยทราบถึงความเป็นมา และความสำคัญของการบินของไทย วันที่ 13 มกราคม ของทุกปี จึงถูกกำหนดให้เป็น “วันการบินแห่งชาติ”
นายทหารนักบินรุ่นแรก
พลอากาศโท พระยาเฉลิมอากาศ (บุพการีทหารอากาศ 1)
เกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ชื่อเดิมคือ สุนี สุวรรณประทีป สมัยที่ดำรงยศ นายพันตรี หลวงศักดิ์ศัลยาวุธ ได้รับคัดเลือกให้ไปเรียนวิชาการบินที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2554 และได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นนายพันโท ขณะเข้ารับการศึกษาวิชาการบิน เมื่อปี พ.ศ. 2456 ถือเป็นคนไทยคนแรกที่เข้าศึกษาวิชาการบินในโรงเรียนการบิน วิลลาคูเบลย์
เมื่อศึกษาวิชาการบินในโรงเรียนจบ ก็ได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนการบินชั้นสูงของกองทัพบกฝรั่งเศส กระทั่งสามารถสอบได้รับประกาศนียบัตรนักบินรบซึ่งเป็นชั้นสูงสุด หลังสำเร็จการศึกษาแล้วจึงเดินทางกลับประเทศไทย และเข้ารับราชการในกรมจเรทหารช่างโดยรับผิดชอบด้านการบิน ณ สนามม้าสระปทุม
เมื่อกระทรวงกลาโหมได้จัดตั้งกองบินทหารบกขึ้นในปี 2457 นายพันโท หลวงศักดิ์ศัลยาวุธ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการกองบินทหารบกคนแรกของประเทศไทย และเป็นผู้ที่นำกำลังพลของไทยไปเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ประเทศฝรั่งเศส จนได้รับชัยชนะร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร ภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้ากรมอากาศยานทหารบกคนแรก และได้รับพระราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น “พระยาเฉลิมอากาศ” ในปี 2463
นาวาอากาศเอก พระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์ (บุพการีทหารอากาศ 2)
เกิดที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ชื่อเดิมคือ หลง สินศุข เป็นบุตรของพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช และคุณหญิงภาณุพันธ์ (เพียน) สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมัยที่มียศเป็น นายร้อยเอก หลวงอาวุธสิขิกร รั้งตำแหน่งผู้บังคับกองพันพิเศษ กองพลที่ 5 ได้รับเลือกให้เดินทางไปศึกษาการบินที่ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะได้รับการเลื่อนยศให้เป็น นายพันตรี เมื่อปี พ.ศ. 2455 ขณะเข้ารับการศึกษาวิชาการบิน
นายพันตรี หลวงอาวุธสิขิกรได้ศึกษาวิชาการบิน และยังได้เรียนรู้การซ่อมเครื่องบิน กระทั่งในปี 2456 ก็สำเร็จการศึกษาวิชาการบินตามหลักสูตรของสโมสรการบินฝรั่งเศส และเดินทางกลับประเทศไทยในปีเดียวกัน โดยกลับมาเข้ารับราชการในกรมจเรทหารช่าง รับผิดชอบด้านการบิน ณ สนามม้าสระปทุม
เมื่อมีการตั้งกองบินทหารบกขึ้น นายพันตรี หลวงอาวุธสิขิกร ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยบังคับการ จากนั้นอีก 4 ปีให้หลัง ก็ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานของกรมอากาศยานทหารบกเป็นท่านแรก และได้รับแต่งตั้งให้เป็น นายพันเอก พระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์ ในปี 2467
จากนั้นในปี 2475 นายพันตรี หลวงอาวุธสิขิกร ได้เข้ารับตำแหน่งเจ้ากรมอากาศยานต่อจากนายพลตรี พระยาเฉลิมอากาศ และได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น “นาวาอากาศเอก พระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์” เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2491
นาวาอากาศเอก พระยาทะยานพิฆาต (บุพการีทหารอากาศ 3)
เกิดที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ชื่อเดิมคือ ทิพย์ เกตุทัต ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 3 นายทหารให้ไปเรียนวิชาการบินที่ประเทศฝรั่งเศสขณะที่มียศเป็นร้อยโท และได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นนายร้อยเอก ขณะกำลังศึกษา
ทั้งนี้ แม้ว่าในระหว่างเข้ารับการศึกษา นายร้อยเอก ทิพย์ เกตุทัต จะประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกจนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็พักรักษาตัวจนสามารถกลับมาศึกษาต่อได้จนสำเร็จวิชาการบิน ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทยในปี 2456 จากนั้น เข้ารับราชการในกรมจเรทหารช่าง โดยรับผิดชอบด้านการบิน ณ สนามม้าสระปทุม (ราชกรีฑาสโมสร)
นายร้อยเอก ทิพย์ เกตุทัต ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยผู้บังคับการกองบินทหารบก ร่วมกับนายพันตรี หลวงอาวุธสิขิกร หลังจากกระทรวงกลาโหมได้ก่อตั้งกองการบินทหารบกขึ้น ต่อมา นายร้อยเอก ทิพย์ เกตุทัต ได้ประดิษฐ์ “หีบเครื่องเขียนใบแจ้งเหตุแบบเกตุทัต พ.ศ. 2458” ขึ้น เพื่อไว้ใช้ส่งข่าวจากเครื่องบิน จึงได้รับการยกย่องจากกระทรวงกลาโหม
ในปี 2461 นายร้อยเอก ทิพย์ เกตุทัพ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการกองบิน กรมอากาศยานทหารบก และเลื่อนยศเป็นนายพันตรี จากนั้น หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ เป็นผู้บังคับการกองบินทหารบก กองทหารอาสา ในครั้งที่ไปราชการสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกรมอากาศยาน เป็นผู้อำนวยการกองโรงงานอากาศยาน กระทั่งในปี 2479 ได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็นนายนาวาอากาศเอก พระยาทะยานพิฆาต
โดยทั้ง 3 ท่าน ได้รับการยกย่องให้เป็นบุพการีของกองทัพอากาศ ในฐานะที่ได้รับคัดเลือกให้ไปศึกษาวิชาการบินเป็นกลุ่มแรกของประเทศไทย และได้นำวิชาความรู้ที่ได้รับมาช่วยพัฒนากิจการการบินของชาติได้เจริญก้าวหน้าเรื่อยมา
นี่คือเรื่องราวความเป็นมาของกิจการการบินของประเทศไทย นำมาซึ่งการกำหนดให้วันที่ 13 มกราคมของทุกปี เป็น “วันการบินแห่งชาติ”
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
https://www.caat.or.th/th/archives/32406
https://hilight.kapook.com/view/96074