การเผาขยะโรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม ส่งผลให้มีเขม่าควันพัดปกคลุมในเขตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้านโรงเรียนท่าขอนยางฯ ย้ำจำเป็นต้องเผา เพราะไม่มีที่ทิ้งขยะ ขณะที่โรงพยาบาลมหาสารคามเตือนควันจากการเผาขยะเสี่ยงเกิดโรคทางเดินหายใจและมะเร็ง
นายปราการ ไชยรส รองผู้อำนวยการโรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม จ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า ทางโรงเรียนมีการเผาขยะจริง โดยภารโรงจะเป็นคนเผา บางวันครูในโรงเรียนก็จะเผาเอง ส่วนใหญ่จะเป็นขยะจำพวกโฟมใส่อาหาร เศษอาหาร และขยะทั่วไป โดยจะเผาขยะในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนของทุกวัน เนื่องจากเกรงว่าควันไฟจะกระทบต่อเด็กนักเรียน และจะเผาใบไม้ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์
“การเผาขยะของโรงเรียนจะมีเตาเผาอยู่ข้างรั้วติดกับเขตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทำให้ฝุ่นควันหนา พัดเข้าปกคลุมในเขตมหาวิทยาลัย แต่ก็จำเป็นต้องเผาเพราะไม่มีที่ทิ้งขยะ เนื่องจากเทศบาลตำบลท่าขอนยางไม่ได้มาเก็บขยะให้โรงเรียน ซึ่งขยะในเขตท่าขอนยางก็เยอะแล้ว หากจะให้เทศบาลฯ มาเก็บก็ต้องวางขยะไว้ที่หน้าโรงเรียนซึ่งเป็นทางสัญจรไปมาของนิสิตและคนทั่วไป อาจส่งกลิ่นเหม็น ทำให้ดูไม่เหมาะสม อีกทั้งบ่อขยะที่หนองปลิงก็ได้ปิดแล้ว” นายปราการ กล่าว
นายปราการ ยังกล่าวต่ออีกว่า มีอาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ และคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้มากล่าวเตือนแล้วว่าฝุ่นควันได้รบกวนอาจารย์และนิสิตที่มีเรียนในช่วงค่ำ และคนที่สัญจรไปมาในบริเวณดังกล่าว พร้อมทั้งขอไม่ให้เผาขยะ แต่ถึงอย่างไรนั้นทางโรงเรียนได้มีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องการเผาขยะ พร้อมทั้งชูนโยบายคัดแยกขยะให้ชัดเจน และเผาเท่าที่จำเป็นเพราะไม่มีที่ทิ้งแล้ว อีกทั้งช่วงนี้ก็ไม่ได้เผาขยะแล้วเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคเรียนของระดับมัธยมศึกษา
นางทัศนีพร ยศพล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ หัวหน้าสำนักงานประกันสุขภาพ โรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่า การเผาขยะไม่ควรเผาในชุมชนหรือในสถานที่มีคนอาศัยอยู่จำนวนมาก ผู้ที่สูดดมเอาควันเข้าไปในร่างกายอาจก่อให้เกิดโรคในระยะยาวได้ อีกทั้งยังทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาด้วย อาทิ โรคทางเดินหายใจ จากการสูดดมกลิ่นขยะ ฝุ่นละออง ควัน หรือไอสารพิษจากขยะอันตราย เมื่อเราหายใจเข้าไปก็จะเข้าไปสะสมอยู่บริเวณปอด แล้วจึงดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ก่อให้เกิดปัญหากับระบบทางเดินหายใจหรือทำลายอวัยวะภายในได้
นางทัศนีพร กล่าวเสริมอีกว่า ผู้ที่ป่วย เป็นโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ อาจได้รับผลข้างเคียงโดยตรงจากควันเผาขยะ แม้แต่คนปกติก็จะมีอาการแพ้ทั่วไป เช่น แสบตา แสบคอ สำลักควัน แสบจมูก เป็นต้น หากเราสูดดมฝุ่นควัน
ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำก็อาจจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด เนื่องจากได้รับสารพิษที่เกิดจากการเผาขยะต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพราะเขม่าควันมีสารพิษปนเปื้อนในอากาศ เช่น สารไดออกซินและฟิวแรน ในระหว่างการเผา ซึ่งสารทั้งสองนี้เป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งและทำลายการทำงานของตับ
“นอกจากนี้ยังมีขยะที่ทำให้เกิดสารพิษบางชนิด ที่เป็นตัวการก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังอีกด้วย ดังนั้น ควรมีการป้องกันผลกระทบจากฝุ่นควัน เช่น การใส่หน้ากากอนามัย ป้องกันเขม่าควัน และฝุ่นละออง เมื่อเกิดปัญหาหมอกควันจากการเผาขยะมูลฝอย ใส่หน้ากากอนามัย ป้องกันมลพิษประเภทก๊าซต่าง ๆ ซึ่งมักบรรจุผงถ่านคาร์บอนเพื่อดักจับก๊าซไม่ให้เข้าสู่ระบบหายใจ” นางทัศนีพร กล่าว
นางสาวกมลชนก เสาเวียง นิสิตคณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เผยว่า ตนพักอยู่หอพักบริเวณหลังโรงเรียนท่าขอนยางฯ บางวันก็เห็นคนมาทิ้งขยะตามซอยแล้วก็จุดไฟเผา ทำให้มีควันไฟฟุ้งตามทางเข้าออก ส่วนในกรณีควันจากการเผาขยะของโรงเรียนท่าขอนยางฯ ในช่วงเย็นมีเขม่าควันจำนวนมาก ลอยมารบกวนในเขตมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังลอยไปที่สวนสุขภาพ ซึ่งเป็นจุดที่นิสิตและคนทั่วไปใช้ออกกำลังกาย จึงไม่ควรมาเผาขยะในบริเวณนี้
นางสาวกมลชนก กล่าวต่ออีกว่า มีหลายครั้งที่ไปออกกำลังกายที่สวนสุขภาพ ก็มีเขม่าควันจากการเผาขยะลอยมาและส่งกลิ่นไหม้ไปทั่วบริเวณ ทำให้มีผู้คนไม่พอใจจำนวนมาก ถึงขั้นหยุดกิจกรรมการออกกำลังกายหรือพักผ่อนบริเวณนั้นไป และมีการพูดคุยกันถึงเรื่องที่ว่าควรหรือไม่ควรที่เผาขยะในช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นกระแสด้านลบจากผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น หากสูดดมหรือหายใจเข้าไปอาจจึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
นายพิชิตพล แท่นกระโทก นิสิตคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เผยว่า การเผาขยะก่อให้เกิดมลพิษและบดบังทัศนียภาพ อีกอย่างช่วงเวลาเย็นเป็นช่วงที่ผู้คนสัญจรไปมา เพราะเลิกเรียนหรือนักเรียนกลับบ้าน ซึ่งไม่ดีต่อผู้คนที่ไปมาแถวนั้น จริง ๆ แล้วหากทิศทางลมไม่เข้ามาทางมหาวิทยาลัยก็จะไม่มีปัญหา แต่ลมพัดเข้ามาทางมหาวิทยาลัยตลอด อีกทั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยด้วย ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นควันที่มาจากการเผาขยะ ถ้าได้รับควันมาก ๆ ก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ จึงไม่ควรมีการเผาขยะในบริเวณนี้และจัดการปัญหาให้ถูกวิธี
ทั้งนี้ จากงานวิจัยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการควบคุมการเผาในที่โล่ง กรมควบคุมมลพิษ ระบุไว้ว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนที่มีจำนวนมาก สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจส่วนปลายและสะสมในถุงลมและปอด อาจทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ พบว่าการเผาขยะ 1 กิโลกรัม ทำให้เกิดฝุ่นขนาดเล็กที่มีอันตรายต่อสุขภาพถึง 19 กรัม นอกจากนี้ ในขยะมูลฝอยที่มีพลาสติกปนอยู่ หากมีการเผาในที่โล่งจะก่อให้เกิดสารอินทรีย์ระเหย
ประมาณ 14 กรัมต่อขยะมูลฝอย 1 กิโลกรัม หรือประมาณ 35 กรัม โดยสารพิษที่พบได้แก่ เบนซีน และไดออกซิน ซึ่งสารทั้งสองชนิดเป็น สารก่อมะเร็ง สำหรับการเผาเศษพืช 1 ตัน จะทำให้เกิดฝุ่นละอองปริมาณ 2–14 กิโลกรัม อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในอาการแพ้เบื้องต้นได้
สำหรับในกรณีการเผาขยะในเขตชุมชนหรือสถานที่ที่มีคนอาศัยอยู่จำนวนมาก หากเทียบความผิดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หมวด ๕ เหตุรำคาญ ในมาตรา ๒๕ แล้ว ในกรณีที่มีเหตุอันอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้น ดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นเหตุรำคาญ อาทิ การกระทำใด ๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า หรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพถือเป็นความผิดทางอาญา
เรื่องและภาพ วัชรพงษ์ อินแสง