จากการแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีเรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งประกาศว่าจะเกิดขึ้นในปลายปี 2561 ประชาชน คาดระบบเศรษฐกิจจะดีขึ้น ด้านนักวิชาการชี้ หากเกิดการเลือกตั้งจริงอาจจะได้รัฐบาลที่ยังไม่มีเสถียรภาพ เพราะรัฐบาล คสช.พยายามที่จะคุมอำนาจที่มีอยู่ผ่านมาตรการหลายอย่าง
การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
นายทวีสุข นามเทพ ประธานชุมชนนาควิชัย 3 เผยว่า หากมีการเลือกตั้งจริงในปลายปี 2561 ประชาชนก็พร้อมที่จะเลือกตั้ง เพราะส่วนใหญ่น่าจะมองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยตอนนี้ อีกทั้งเป็นการเลือกตั้งที่คืนระบอบประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งตนอยากเห็นสิ่งต่างๆ ที่ได้มาจากการเลือกตั้ง เพราะเสียงของประชาชนคือเสียงของประชาธิปไตยโดยแท้จริง เมื่อมี ส.ส. รัฐสภา สภา และทำเนียบเกิดขึ้นนั้น ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แบบ
“หลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้ว ระบบเศรษฐกิจและระบบต่าง ๆ น่าจะดีขึ้น หากมี ส.ส. รัฐสภา สภา เข้ามาดูแลในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ สิ่งต่างๆ น่าจะกระตุ้นให้เกิดความเคลื่อนไหวมากขึ้น รวมไปถึงด้านงบประมาณการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ก็จะตามมา ซึ่งหากย้อนไปในอดีต ส.ส.ที่ปกครองท้องถิ่นในเขตของผม จะดูแลพื้นที่ที่รับผิดชอบ ดึงงบประมาณมาช่วยเหลือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์กรปกครองท้องถิ่น(อปท.) มีการพัฒนาในด้านแสงสว่าง ด้านร่องระบายน้ำ ซึ่งทางเทศบาลกับ ส.ส. ระดับจังหวัดมีการทำงานเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว” นายทวีสุข กล่าว
นายทวีสุข กล่าวอีกว่า ในประเด็นของการซื้อสิทธิ์ขายเสียงก็ยังคงมีอยู่บ้าง อย่างในช่วงที่ผ่านมามีการเข้ามาหาเสียงผ่านผู้นำชุมชน ซึ่งเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อประสานไปยังกลุ่มชาวบ้านในชุมชน ด้วยเหตุนี้ผู้นำชุมชนจึงต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น ต้องใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการควบคุมการซื้อสิทธิ์ขายเสียง อีกทั้งประชาชนควรสร้างจิตสำนึก หากมีการจับได้ว่ามีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงเกิดขึ้นจริง ควรเพิกถอนใบสมัครหรือหมดสิทธิ์ในการสมัครเป็นผู้นำทางการเมือง
ด้าน นายจำเนียร โคตรบรรเทา ชาวบ้านขี หมู่ 5 ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าคุณสมบัติของผู้นำคือต้องไม่โกง เป็นคนดี ไม่เห็นแก่พรรคพวก ซึ่งทุกคนก็หวังให้เป็นแบบนี้ หากมองถึงความเป็นจริงแล้วเป็นไปได้ยาก เพราะความคิดของคนส่วนใหญ่คือ อยากได้คนดี มีวุฒิการศึกษาที่ดี มีแนวคิดที่ดีในการพัฒนาประเทศ และนี่คือความคิดและความหวังของประชาชน หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริง ประเทศไทยก็จะเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อย่างที่ประเทศไทยเคยเป็นมาอย่างในอดีต
“หากมีผู้นำคนใหม่เกิดขึ้น นักการเมืองแต่ละคนควรลดทิฐิลงมาร่วมมือกันจะส่งผลให้เกิดผลดีมากกว่า ซึ่งอยู่ที่ว่าจะยอมรับในผลคะแนนการเลือกตั้งได้หรือไม่ หากไม่ยอมรับในการเลือกตั้ง สุดท้ายแล้วประเทศไทยจะยังเเป็นประชาธิปไตยอยู่อีกหรือ” นายจำเนียร กล่าว
นักวิชาการเผยอาจมีการเลื่อน
ผศ.ดร.วินัย ผลเจริญ อาจารย์คณะวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า รัฐบาลอาจจะไม่สามารถใช้อำนาจอย่างที่เป็นอยู่เช่นตอนนี้ได้ และอาจจะได้รัฐบาลที่ยังไม่มีเสถียรภาพ เพราะการเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งตนมองว่าการเมืองจะเป็นกึ่งเผด็จการกึ่งประชาธิปไตยไปอย่างนี้อีกนาน รัฐบาลปัจจุบันพยามที่จะคุมอำนาจที่มีอยู่ผ่านมาตรการหลายอย่าง ทั้งยุทธศาสตร์ชาติทั้งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ตัวรัฐธรรมนูญเอง รวมถึงกลไกลอื่นๆ ยากที่จะเป็นประชาธิปไตย ประชาชนยังคงถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพอยู่พอสมควร
ผศ.ดร.วินัย กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งยังคงจำเป็นมากในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการเลือกตั้งมีเนื้อหาสาระที่สะท้อนให้เห็นเจตจํานงของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนคือเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยที่แท้จริง ถ้าหากไม่มีการเลือกตั้งแล้วจะเอาตัวแทนมาจากไหน หมายความว่าจะให้ใครเป็นผู้สะท้อนเสียงของประชาชน ซึ่งผู้กุมอำนาจกลุ่มอื่นที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เขาก็ไม่สามารถที่จะอ้างเสียงของประชาชนได้ เพราะฉะนั้นแล้วประชาธิปไตยสำคัญมาก
“ผมมองว่ายังคงเชื่อถือไม่ได้นัก เพราะที่ผ่านมามีการเลื่อนการเลือกตั้งมาหลายครั้งแล้ว เพราะผู้นำทางรัฐบาลออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในปี 2561 ถ้าหากสถานการณ์บ้านเมืองปกติ ซึ่งหากสถานการณ์ไม่ปกติก็อาจจะเลือนออกไปอีก ฉะนั้นการเลือกตั้งอาจจะมีโอกาศเลื่อนออกไปอีกได้
นักวิชาการคนเดิมเชื่อว่า อาจมีสถานการณ์พิเศษที่ทำให้เกิดการเลื่อนการเลือกตั้ง เช่นการถูกกดดันจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในที่สุดแล้วแม้ว่าทางรัฐบาลจะมีอำนาจ และดูเหมือนจะมีการถ่วงเวลามาโดยตลอด จึงมองว่าอย่าพึ่งมั่นใจว่าจะได้เลือกตั้งปลายปี 2561 เพราะอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ อย่างเร็วก็อาจจะเกิดขึ้นในปลายปี 2561 แต่อย่างช้าก็อาจจะยืดออกไปหลังปี 2561 ก็ได้ หรืออาจจะนานกว่านั้นเพราะว่าเราก็ไม่สามารถรู้ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่รัฐบาลอ้างถึงความไม่สงบในประเทศ ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงคาดการไม่ได้” ผศ.ดร.วินัย กล่าว
มุมมองของนิสิตกับการเลือกตั้ง
นายพิชิตชัย ทันเที่ยม นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขารัฐศาสตร์ เอกการเมืองการปกครอง วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก็คงจะเป็นผลดี เพราะประชาชนจะได้มีสิทธิเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยกลับคืนมา โดยเรามีสิทธิเลือกผู้นำ มีสิทธิเลือกพรรคการเมืองเข้าไปบริหาร แต่ส่วนตัวมองว่าปัจจุบันต่างฝ่ายต่างหาคำว่าปองดองยังไม่ได้ จากที่มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา ทั้งพรรคการเมืองและประชาชนมีทั้งส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
นายพิชิตชัย กล่าวอีกว่า ตนต้องการคนที่บริหารงานด้วยความโปร่งใส ฟังความเห็นของคนในประเทศมากกว่าใช้อำนาจทางการเมืองปกครองอย่างเดียว ไม่มองข้ามชนชั้นล้างอย่างเช่นชาวนาชาวไร่ ไม่นิ่งเฉยเวลาที่ประชาชนเดือดร้อน ผลักดันให้ประเทศก้าวหน้าอย่างเข้มแข็ง ซึ่งอีกเรื่องที่ผู้นำควรตระหนักคือภาษีของประชาชน ควรนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดีกว่าการหาช่องทางคอรัปชั่น
หนังสือพิมพ์สื่อมวลชน รายงาน