นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชี้ต้องเพิ่มขนส่งสาธารณะ วิศวกรฯ เปรยจัดการมอเตอร์ไซค์ยาก เล็งมีแนวคิดสร้างจุดจอดรถเชื่อมขนส่งปี 61 นายกองค์กรนิสิตกร้าวหยุดโบ้ยปัญหาให้นิสิต ทุกฝ่ายควรเร่งหารือแก้ปัญหา
กรณีจำนวนจักรยานยนต์นับหมื่นคันที่จอดอัดแน่นอยู่ในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ส่งผลต่อปัญหาที่จอดรถ และการจราจรติดขัดจนเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อดิศักดิ์ สิงห์สีโว อาจารย์ประจำสาขาสิ่งแวดล้อมศึกษา คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า โครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดโลกร้อนหรือการลดการใช้พลังงานในมหาวิทยาลัยมหาสารคามนั้น ยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะยังขาดความร่วมมือของทั้งนิสิตและบุคลากรเอง การจะเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวไม่ใช่เพียงแต่มีพื้นที่สีเขียวเท่านั้น แต่ต้องมีการจัดการในทุกด้าน ตั้งแต่การจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการด้านพลังงานที่ต้องลดการใช้พลังงานภายในมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง การพัฒนาสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่ ซึ่งมหาวิทยาลัยไม่สามารถทำคนเดียวได้ สิ่งที่ควรเกิดขึ้นคือต้องมีการพูดคุยกันในระดับนโยบายของมหาวิทยาลัยกับนโยบายของแต่ละคณะ เพื่อที่จะถ่ายทอดไปยังนิสิต คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
ผศ.ดร.อดิศักดิ์ สิงห์สีโว กล่าวต่อว่า การเดินทางส่วนใหญ่ของนิสิต คือรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจะต้องมีการใช้พลังงานและเกิดการเผาผลาญเชื้อเพลิงคือแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และจำนวนรถมอเตอร์ไซค์กว่า 20,000 คัน ย่อมเกิดปริมาณของการเผาผลาญเป็นจำนวนมาก มหาวิทยาลัยควรจะมีระบบการขนส่งสาธารณะที่ทำให้นิสิตเดินทางได้สะดวก ยกตัวอย่างเช่น มีจุดจอดรถบัสจากสถานีขนส่งจังหวัดมหาสารคามภายในมหาวิทยาลัย แทนการเดินทางไปขึ้นรถที่สถานีขนส่ง เป็นต้น
นายปฏิวัติ ไชยสัตย์ วิศวกร สำนักงานผังแม่บทฯ กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เล่าว่า การจัดการจำนวนการใช้รถจักรยานยนต์ในมหาวิทยาลัยมหาสารคามถือเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดที่การใช้รถจักรยานยนต์สะดวกที่สุด แตกต่างจากมหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานครที่การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือรถสาธารณะ โดยทางมหาวิทยาลัยมหาสารคามได้พยายามจัดให้มีรถรางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนิสิต มีการวิ่ง 80 รอบต่อวัน จำนวน 5 คัน ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์นิสิตที่พักอยู่นอกมหาวิทยาลัย เพราะรถรางวิ่งให้บริการจากหอในและวิ่งรอบมหาวิทยาลัยเท่านั้น และภายในปีการศึกษาหน้า รถรางจะเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
นายปฏิวัติ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยมีแนวความคิดมาหลายปีที่จะสร้างจุดจอดรถและเชื่อมต่อด้วยรถสาธารณะ ให้มอเตอร์ไซค์มีจุดจอดแค่ตรงทางเข้า ซึ่งมหาวิทยาลัยยังคงใช้เวลาในการศึกษาเพื่อประเมินผล หากแนวคิดนี้ตกผลึกและมีงบประมาณที่เหมาะสม คาดว่าในอนาคตการใช้รถจักรยานยนต์ภายในมหาวิทยาลัยก็จะน้อยลง นอกจากนี้ปีการศึกษา 2561/2562 มหาวิทยาลัยจะทำการสร้างทางเดินมีหลังคา (cover way) เชื่อมต่อระหว่างตึกหลักภายในมหาวิทยาลัย โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้นิสิตสามารถเดินไปเรียนระหว่างตึกอย่างสะดวกและลดการใช้รถมอเตอร์ไซค์ในการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ
นายปฏิวัติ กล่าวต่ออีกว่า การเปลี่ยนความคิดของนิสิตถือเป็นเรื่องที่ยากที่สุด ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องการใช้รถมอเตอร์ไซค์ แต่รวมถึงเรื่องการจัดการพลังงานและขยะที่นิสิตยังขาดวินัย หากสามารถเปลี่ยนความคิดของนิสิตได้ มหาวิทยาลัยมหาสารคามจะประสบความสำเร็จด้านการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างมาก
นายจิรพนธ์ ทองบ่อ นายกองค์การนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสีเขียวถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งบางมหาวิทยาลัยอาจมีข้อจำกัด ยกตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยมหาสารคามที่มีจำนวนนิสิตค่อนข้างมากกว่า 40,000 คน สิ่งอำนวยความสะดวกอาจไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการใช้มอเตอร์ไซค์เป็นจำนวนมาก เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งไม่เพียงพอต่อจำนวนนิสิตทั้งหมด หากทางมหาวิทยาลัยต้องการให้ลดการใช้มอเตอร์ไซค์ก็ควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างอื่นทดแทน เช่น การจัดให้มีรถรับส่งหรือรถสาธารณะที่รวดเร็ว และจัดให้มีการบริการตามเส้นทางตลอดเวลา
นายจิรพนธ์ กล่าวต่ออีกว่า ได้มีการหารือระหว่างมหาวิทยาลัยกับองค์การนิสิต ที่จะให้มีจุดจอดรถ ซึ่งเป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัยแต่ยังไม่สามารถเอาพื้นที่คืนมาได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ติดกับชุมชนทำให้ต้องมีการประเมินถึงผลกระทบหากมีการก่อสร้าง และค่อนข้างต้องใช้เวลา หากสามารถจัดการจุดนี้ได้ ก็จะมีจุดจอดรถและระบบขนส่งที่ดีขึ้น และการสร้างทางเดินมีหลังคา (cover way) ที่เป็นทางเท้าสำหรับให้นิสิตเดินระหว่างตึก ซึ่งหลังจากทางมหาวิทยาลัยได้มีการเก็บค่าเทอมแบบเหมาจ่ายที่เริ่มในปีการศึกษา 2561 แล้วก็จะนำเงินมาพัฒนาโครงการนี้ภายในอนาคต
“ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยไม่ใช่ความผิดของนิสิตเพียงฝ่ายเดียว หากมีมาตรการที่เหมาะสมนิสิตย่อมปฎิบัติตาม แต่มหาวิทยาลัยต้องมีสิ่งที่คอยซับพอร์ทต่อมาตรการนั้น เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกมีมากขึ้นหรือไม่ รถรางมีเพียงพอหรือไม่ ซึ่งต้องมีการจัดการหลายภาคส่วน โดยอาจารย์และบุคลากรในมหาวิทยาลัยก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีแก่นิสิตด้วย” นายกองค์การนิสิต กล่าวทิ้งท้าย
นางสาวอังคณา ชมภูศรี นิสิตชั้นปีที่ 3 สาขาภูมิสารสนเทศ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เผยมุมมองของตนว่า ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามหาวิทยาลัยติด 1 ใน 10 มหาวิทยาลัยสีเขียวของประเทศไทย ตนนึกว่ามหาวิทยาลัยสีเขียวจะต้องเป็นมหาวิทยาลัยที่มีพื้นที่สีเขียวที่ให้ร่มเงามีความร่มรื่น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้จักรยานในการเดินทางไปเรียน มีการใช้บริการรถรางของมหาลัยหรือมีการใช้รถอย่างมีระบบ แต่กลับกันนิสิตในมหาวิทยาลัยกลับมีการใช้รถจักรยานยนต์อยู่เป็นจำนวนมาก นำมาซึ่งปัญหาการจราจรที่ติดขัด ไม่มีพื้นที่ในการจอดรถ และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ แต่หากมองอีกมุมหนึ่งอาจเพราะมีนิสิตที่พักอยู่นอกมหาวิทยาลัย การเดินทางโดยมอเตอร์ไซค์จึงเป็นเรื่องที่สะดวกกว่า
นางสาวอังคณา กล่าวอีกว่า อยากให้มหาวิทยาลัยมีการเพิ่มรถราง เพื่อให้รองรับการใช้งานของนิสิตที่มีจำนวนมากขึ้น และอยากให้มีการสร้างที่นั่งพักตามจุดจอดรถรางเพื่อเอาไว้หลบแสงแดดและฝน หรือส่งเสริมให้มีการปั่นจักรยานไปเรียนมากขึ้น ซึ่งมหาวิทยาลัยอาจต้องมีการจัดบริการให้ยืมรถจักรยานภายในมหาวิทยาลัยอย่างทั่วถึง เพราะตนมองว่าหากมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับ นิสิตย่อมเลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเองอยู่แล้ว
ทั้งนี้ มหาลัยสีเขียวถูกจัดขึ้นโดย UI Green Metric world University Ranking 2016 ของมหาวิทยาลัยอินโดนีเซียซึ่งมีมหาลัยต่างๆทั่วโลกเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมหาลัยสีเขียวเพื่อสร้างความตระหนักและส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสภาพแวดล้อมเพื่อความอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จากการจัดอันดับในวันที่ 29 ธันวาคมปี 2559 มหาวิทยาลัยมหาสารคามถูกจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับที่ 9 ในประเทศไทยซึ่งมีเกณฑ์การประเมินทั้งหมด 6 ด้านคือ 1. การวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน 2. การจัดการพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 3.การจัดการของเสีย 4. การจัดการน้ำ 5.การศึกษา 6. ระบบการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ด้านระบบการขนส่งมหาวิทยาลัยมหาสารคามได้มีการจัดบริการรถรางที่ช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับนิสิตที่ต้องการเดินทางไปเรียนภายในมหาวิทยาลัยเพื่อลดการใช้รถจักรยานยนต์และลดการใช้พลังงาน แต่ก็ไม่สามารถรองรับนิสิตในมหาวิทยาลัยได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากไม่สามารถให้บริการภายนอกมหาวิทยาลัยได้การสัญจรที่สะดวกที่สุดสำหรับนิสิตยังคงเป็นการใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนตัว จึงส่งผลให้เกิดปัญหาด้านความแออัดของจำนวนรถจักรยานยนต์ภายในมหาวิทยาลัยซึ่งมีจำนวนมากกว่า 20,000 คัน