วันที่ 11 มีนาคม 2563 กลุ่มนิสิตเสรีมวลชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มีการจัดกิจกรรมเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ “เครือข่ายคนรุ่นใหม่กับกิจกรรมเพื่อสังคมและการเสริมสร้างอำนาจให้กับประชาชนในยุคเผด็จการ” กิจกรรมนี้จัดขึ้นที่วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นกิจกรรมที่เปิดให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าร่วมฟังการเสวนาในครั้งนี้ด้วย
กลุ่มเครือข่ายของการเสวนาครั้งนี้มาจากนิสิตนักศึกษาตัวแทนกลุ่มการเคลื่อนไหวทางการเมือง 7 มหาวิทยาลัยได้แก่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(ศูนย์ลำปาง) มหาวิทยาลัยรังธรรมศาสตร์(ศูนย์รังสิต) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นอกจากนี้ภายในกิจกรรมการเสวนามีผู้เข้าร่วมทั้งกลุ่มเครือข่ายของนิสิต นิสิต และภาคประชาชนที่มีความสนใจในการเสวนาครั้งนี้ด้วย หนังสือพิมพ์สื่อมวลชนได้สรุปสาระสำคัญจากกิจกรรมการเสวนามานำเสนอ ดังนี้
นายการัญ ดิษเจริญ ประธานกลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม ปีการศึกษา 2560 กล่าวถึงการจัดกิจกรรมการเสวนาในครั้งนี้ว่า ทางกลุ่มเครือข่ายจัดงานสัมนามา 3 ครั้งแล้ว แต่ 2 ครั้งแรกเป็นการบรรยายมากกว่า เวทีนี้เป็นเวทีแรกที่มีการรวมเครือข่ายนักกิจกรรมมาร่วมจัด ซึ่งงานนี้มีทั้งหมด 5 กลุ่ม จึงเกิดงานนี้ขึ้นมา เราพยายามประสานกลุ่มคนที่เป็นหัวการเมืองก้าวหน้า หัวการเมืองใหม่ๆ ที่มีแนวทางที่จะไปร่วมกันกับเรา เพื่อสร้างเครือข่ายระหว่างนิสิต นักศึกษาด้วยกัน จะสังเกตได้ว่าผู้ร่วมงานมาจากทุกภาค คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เพื่อมาพูดคุยกันว่า เราจะไปในทิศทางไหน หรือมหาวิทยาลัยอื่น ๆ จะเสริมทางมหาวิทยาลัยอื่นอย่างไรได้บ้าง
นายอาทิตย์ ทนายความและแกนนำเครือข่ายประชาธิปไตยมหาสารคาม ผู้เข้าร่วมการเสวนาในฐานะประชาชนทั่วไป มีความเห็นเกี่ยวกับการเสวนาในหัวข้อการเสริมสร้างอำนาจให้กับประชาชนในยุคเผด็จการว่า ในเรื่องของการคืนอำนาจให้ประชาชนกลุ่มของผู้จัดยังมองว่ามันขาดความเป็นธรรมอยากให้มีการกระจายการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่นกระจายเรื่องการบริการจัดการ เศรษฐกิจอะไรต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่มันยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และในเรื่องของข้อเรียกร้องนั้นก็ต้องนำไปปรับใช้ในกลุ่มแกนนำของตนเอง
นายอาทิตย์ ยังมีความเห็นเกี่ยวกับการเสวนาต่ออีกว่า นิสิตนักศึกษายังขาดการมองประเด็นในเรื่องของข้อเสนอแนะที่แท้จริงนั้นต้องทำยังไง อุปสรรคจริงๆ เป็นอย่างไรต้องมีการศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนว่า ในข้อเสนอแนะที่เสนอมา สามารถทำได้หรือไม่ ถ้ามองตรงๆ คือ ข้อเรียกร้องของนักศึกษาที่มองเห็นถึงความไม่เป็นธรรม เป็นสิ่งที่ดี แต่สังคมไทยยังขาดคนที่มีความรู้ในเรื่องของเศรษฐกิจ การบริหารของรัฐในภาพรวม ในเรื่องของการกระจายอำนาจ มีการกระจายอยู่แล้วเช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การยริหารส่วนตำบล มีการแบ่งการกระจายอำนาจอย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าในการเสวานาครั้งนี้ยังขาดความชัดเจนในการเรียกร้อง ต้องการเรียกร้องในส่วนไหนต้องระบุให้ชัด กระจายเรื่องเศรษฐกิจแบบไหน กระจายเรื่องการบริหารแบบไหนต้องระบุให้ชัดเจน
นายอาทิตย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การเสวนาของนิสิตในครั้งนี้เป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วจากการที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรค และมองว่าการกระทำเช่นนั้น เป็นการใช้อำนาจเผด็จการที่มาทำลายกลไกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไทย เป็นการแสดงความคิดเห็นของนิสิตว่าประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ เป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ ถ้าหากว่าพูดที่นี่แล้วจบที่นี่ก็จะไม่เกิดผลการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ถ้านำการเสวนาในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดที่เข้าร่วมนำไปขยายผลต่อ ไปเรียกร้อง ไปบอกกล่าว สร้างการเสวนาขึ้นมาอีกครั้ง จะทำให้ความคิดในครั้งนี้เป็นการสร้างพลังขึ้นมาอย่างหนึ่ง จะสามารถส่งผลให้เกิดการปฏิบัติหรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ทางด้านของนิสิตที่เข้าร่วมกิจกรรมการเสวนา นางสาวตติยา อินทร์เกษา นิสิตชั้นปีที่สอง วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีความเห็นว่า ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลงการกระจายอำนาจมาสู่ท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นมีการจัดการตัวเองมีอำนาจจัดเก็บภาษีไม่ขึ้นตรงกับส่วนกลางอาจก่อให้เกิดความรวดเร็วและตรงต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ประเด็นในการศึกษา มีการเห็นด้วยกับที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่พูด เราเรียนประวัติศาสตร์กระแสหลักจนเกินไป เราไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตัวเอง เช่น เราเป็นเด็กอีสาน แต่ไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ทางภาคอีสาน แต่เราเรียนประวัติศาสตร์ ที่รัฐบาลจัดให้เรียนเหมือนกันหมด
นางสาวตติยา กล่าวต่อว่า จากการจัดงานในครั้งนี้ รู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การกระจายอำนาจอย่างแท้จริง สุดท้ายอำนาจในการตัดสินใจก็ขึ้นอยูากับส่วนกลาง ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่น้ำท่วมจังหวัดอุบลราชธาณี กว่าที่ความช่วยเหลือจะไปถึงมือประชาชนต้องนำนโยบายหรือปัญหาเข้าไปหาส่วนกลาง ระบบราชการไทยมีความล้าช้า ของไม่มีคุณภาพ อยากให้ประชาชนเห็นความสำคัญกับการกระจายอำนาจ ที่จริงๆ แล้วอำนาจเป็นของประชาชน